แชร์ประสบการณ์เตรียมตัวลูกน้อยเลิกขวดนม
ว่ากันด้วยเรื่องของ “ขวดนม” ปฏิเสธกันไม่ได้เลยว่าเด็กๆ ส่วนหนึ่งจะต้องได้ดูดขวดนมกันแน่ๆ เลยใช่ไหมค่ะ และเมื่อถึงเวลาที่ลูกน้อยเริ่มเข้าสู่วัย 2 ขวบ คุณพ่อคุณแม่ก็คงอยากจะให้ลูกเลิกขวดนมกันแล้ว จะว่าไปการให้ลูกน้อยเลิกขวดนมมันเป็นเหมือนบททดสอบของความเป็นพ่อแม่เลยละ มันเป็นประสบการณ์จำเป็นที่ต้องเกิดขึ้นกับคนเป็นพ่อเป็นแม่เกือบแทบทุกคน จากประสบการณ์ของแอร์จะบอกว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลมาก ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดีค่ะ ลองมาตามอ่านเคล็ดลับและวิธีให้คุณลูกบอกลาขวดนมของแอร์ดูค่ะ
คำถามที่มักจะเจอจากคุณพ่อคุณแม่
ควรเลิกใช้ขวดนมเมื่อไร?
จากข้อมูลที่แอร์ได้อ่านๆ มา จะสรุปให้ฟังดังนี้นะคะ การเลิกขวดนมสามารถเริ่มได้ตั้งแต่ อายุ 1 ขวบ (ยิ่งเล็กยิ่งดี ยิ่งเลิกเร็ว) เพราะตอนเด็กอายุน้อยๆ เค้าว่ากันว่าเด็กๆ จะว่านอนสอนง่ายกว่าเด็กโตในช่วงวัย 2 ขวบค่ะ แต่ทีนี้การที่คุณพ่อคุณแม่จะให้ลูกเลิกขวดนม คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องพิจารณาดูจากพัฒนาการของลูกด้วยนะคะ ว่าลูกมีความพร้อมพอรึยังที่จะเลิกขวดนม พิจารณาดูจากพัฒนาการอะไรบ้าง?
- ลูกน้อยจะต้องมีพัฒนาของกล้ามเนื้อมือที่ดีพอในการหยิบจับแก้วได้ถนัด
- ยกแก้วดื่มได้เอง
- สามารถดูดน้ำจากหลอดได้
จากคำแนะนำของกุมารแพทย์เด็กๆ ควรเลิกดูดนมจากขวดตั้งแต่อายุ 1 ขวบค่ะ และกุมารแพทย์ส่วนใหญ่ก็แนะนำให้คุณพ่อคุณแม่เริ่มหัดให้ลูกใช้ถ้วยดื่มแทนขวดนมเมื่อลูกอายุได้ 6 เดือน ทราบกันไหมค่ะว่าข้อเสียของการใช้ขวดนมติดต่อกันเป็นเวลานานนั้น สามารถทำให้ลูกน้อยเป็นโรคฟันผุได้ และนอกจากนี้ขวดนมยังอาจส่งผลให้เด็กดื่มนมในปริมาณมากจนเกินไป สามารถทำให้ลูกน้อยน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วนตามมาอีกได้ค่ะ อีกทั้งเด็กที่ติดขวด และถือขวดนมเดินดูดไปมา จะเสียโอกาสในการพัฒนากล้ามเนื้อมือและมีพัฒนาการทางภาษาน้อยกว่าที่ควรจะเป็น เท่าที่แอร์ได้ทราบข้อมูลมา เค้าบอกว่าเด็กที่อมขวดนมบ่อยๆ อาจไม่พยายามพูดหรือมีปัญหาการสื่อสาร ถึงแม้ว่าจะไม่มีปัญหาความเข้าใจภาษาแต่จะมีปัญหาการใช้ภาษาค่ะ ในด้านอารมณ์ เด็กจะยึดการดูดขวดนมเป็นสิ่งปลอบโยนหรือสิ่งที่ช่วยลดความหงุดหงิดคับข้องใจของตนเอง แทนที่จะฝึกการแสดงอารมณ์หรือการพูดเพื่อแก้ไขความคับข้องใจ อีกเรื่องเค้าบอกว่าเด็กหลังอายุ 1 ปี เด็กควรได้รับอาหารปกติ เป็นอาหารหลักวันละ 3 มื้อ และได้รับนมวันละ 2-3 กล่องค่ะ แต่ถ้าคุณลูกยังดูดนมจากขวดอยู่ เด็กมีแนวโน้มติดใจการดูดจากขวด บางครั้งไม่หิวก็ยังอยากดูด ทำให้ได้นมมาก อิ่มนมจึงอาจปฏิเสธไม่ยอมกินข้าวได้ค่ะ
>>ข้อมูลจาก: สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี
เตรียมตัวให้ลูกเลิกขวดนมอย่างไร
- พูดคุยกับลูก บอกให้ลูกรู้ล่วงหน้าว่าอีกไม่นานลูกจะไม่ต้องใช้ขวดนมอีกต่อไปแล้ว
- พูดคุยอธิบายกับลูกให้ทราบถึงโทษและเหตุผลว่าว่าทำไมลูกต้องเลิกขวดนม
- ฝึกให้ลูกเลิกนมมื้อดึกให้ได้ก่อน ตั้งแต่เวลาประมาณ 24.00-04.00 น. การฝึกให้ลูกเลิกนมมื้อดึก สามารถฝึกได้ตั้งแต่ช่วงอายุ 8- 9 เดือนขึ้นไป
- หัดให้ลูกใช้แก้วหัดดื่ม ให้ลูกลองดื่มนม ดื่มน้ำจากถ้วยหัดดื่ม หรือแก้ว และให้ถ้วยหรือแก้วเปล่าแก่ลูกเล่นเพื่อให้ลูกรู้สึกคุ้นเคย สามารถเริ่มได้ตั้งแต่ลูกอายุ 6 เดือน (ถ้าเป็นแก้วน้ำควรเป็นภาชนะที่ปลอดภัยกับเด็กและตกไม่แตก)
- ให้เด็กเลือกถ้วยหรือแก้วที่ตนเองชอบ
- เก็บขวดนมให้พ้นสายตาของลูกแล้วแทนที่ด้วยถ้วย
- ฝึกลูกให้เข้านอนเป็นเวลาและหลับได้ด้วยตัวลูกเอง
- ควรฝึกลูกให้กินนมให้อิ่มก่อนนอน (หลังทำความสะอาดฟันแล้ว ไม่ควรให้ดูดนมอีก)
- แทนที่ขวดนมในเวลาก่อนนอนด้วยแก้วดื่ม หรือใช้หลอดดูดจากแก้ว ตรงนี้เมื่อพ่อแม่ตัดสินใจจะให้ลูกเลิกใช้ขวดนมอย่างเด็ดขาดแล้ว ถ้าลูกร้องขอขวดนม พ่อแม่ก็ต้องไม่ใจอ่อน ถ้าพ่อแม่ใจไม่แข็งพอ และยังหยิบยื่นขวดนมให้ลูกยิ่งจะทำให้การเลิกขวดนมยากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
- ย้ำ!!! คุณพ่อคุณแม่ต้องใจแข็ง ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด เมื่อลูกร้องขอขวดนม
ที่นี้แอร์จะแชร์ประการณ์ตรงวิธีเลิกขวดนมให้ลูกสาวของแอร์กันค่ะ ลูกสาวแอร์อายุ 2 ขวบ 8 เดือน ถือว่าปล่อยเวลามานานพอสมควรกว่าจะเลิกขวดนม แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาแอร์ก็ตั้งใจจะให้ลูกเลิกขวดนมก่อนอายุ 3 ขวบค่ะ วิธีการเตรียมตัวที่จะให้ลูกเลิกขวดนมของแอร์ก็ไม่มีอะไรมากเลยค่ะ แอร์ใช้เวลาเตรียมตัวให้ลูกมาซักพักละค่ะ เป็นเดือนๆ ได้ คอยบอก คอยอธิบายลูกเสมอๆ ทุกครั้งที่ลูกขอนมหรือดื่มนมว่า “ลูก! อีกไม่นานหนูจะต้องไม่ใช้ขวดนมแล้วนะคะ เพราะหนูโตแล้ว” และบอกอีกว่าการใช้ขวดนมนานอาจทำให้ฟันผุ ฟันไม่สวย ถ้าหนูดูดนมคาปากแล้วเผลอหลับไป เพราะไม่ได้แปรงฟันก่อนเข้านอน นอกจากนี้แอร์ยังคอยอธิบายตลอดเวลาถึงความยุ่งยากในการใช้ขวดนม เช่น เวลาที่พาลูกไปเที่ยวนอกบ้านแล้วอยากดูดนม “ดูสิ! ว่านั่งดูดนมโดยใช้ขวดนมมันไม่ขึ้นมาถึงปากหนูเลยเห็นไหม ขวดนมต้องใช้สำหรับนอนดูดเท่านั้น นั่งดูดมันลำบากมากเลย” ระหว่างนี้ก็พยายามแทนที่ให้ลูกได้ดูดนมจากกล่องบ้าง หรือแก้วดื่มบ้าง หมดบ้างไม่หมดบ้างก็ไม่เป็นไรค่ะ
พอถึงวันที่ตัดสินใจจะให้ลูกเลิกขวดนมโดยเด็ดขาด ก่อนอื่นเลยแอร์ก็บอกให้ทุกๆคนภายในบ้านทราบกันด้วย ว่าจะมี Mission เลิกขวดนมของลูกนะ ที่ต้องแจ้งให้คนในบ้านทราบเพราะที่บ้านแอร์อยู่กันเยอะค่ะ กลัวคนในบ้านจะตกใจถ้าได้ยินเสียงคุณลูกร้องหาขวดนมแบบไม่หยุด และดังลั่นบ้านค่ะ จากนั้นแอร์ก็เริ่มเตรียมเก็บขวดนมค่ะ ระหว่างเก็บขวดนมนั้นก็ให้ลูกเห็นด้วยค่ะว่า ว่าแม่กำลังเก็บขวดนม และบอกลูกว่าเดี๋ยวลูกไม่ใช่ขวดนมแล้วนะ หนูโตแล้ว (ตรงนี้ลูกแม่แอร์เห็นว่าเก็บขวด คุณลูกตอบรับโอเคไม่มีปัญหาใดๆ ค่ะ) แต่แอร์ก็เอาขวดไปเก็บให้ไกลหูไกลตาลูกเลยนะคะ เอาแบบเก็บจนลูกหาไม่เจอค่ะ
ถึงเวลาจริงของคืนแรกของการเลิกขวดนม คุณลูกร้องขอนม สิ่งที่แอร์ปฏิบัติคือบอกลูกว่า หนูต้องดื่มนมจากแก้วนะคะ ไม่มีขวดนมแล้ว หนูโตแล้วค่ะ พร้อมกับยื่นนมใส่แก้วและมีหลอดดูดให้ ลูกแอร์ไม่ยอมดื่มนมจากแก้วเลยค่ะ นางร้องไห้มากๆ ร้องบ้านแตกจริงๆ ค่ะ คือจะบอกตรงนี้เลยว่ากินเวลาในการร้องไห้นานมากๆ ค่ะ เป็นชั่วโมงกว่าๆ เลยทีเดียว พร้อมทั้งคุณลูกมีการวิ่งไปหาขวดนมเองด้วย (แต่หาไม่เจอ) นอกจากนี้ยังร้องไห้ให้คนในบ้านช่วยทำทุกวิธีเพื่อให้ได้ขวดนม ตรงนี้ขอบอกคุณพ่อคุณแม่เลยนะคะว่า สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ต้องปฏิบัติเพื่อให้ mission เลิกขวดนมสำเร็จ คือการอดทน และต้องใจแข็งค่ะ ไม่หยิบยื่นขวดนมให้ลูกไม่ว่าลูกจะงอแง ร้องไห้มากแค่ไหนก็ตาม ลูกแอร์ร้องไห้จนหลับไปเลยค่ะ พอดึกๆ อีกพักคุณลูกตื่นมาค่ะบอกหิวนมแอร์เห็นว่ายังไม่ถึงเที่ยงคืนเลยบอกต่อไปว่า ได้จ๊ะแต่ไม่มีขวดนมนะคะ ต้องดื่มจากแก้วมีหลอดดูดให้ คุณลูกก็ปฏิเสธอีก แล้วนางก็พลิกตัวลงไปหลับ สรุปว่าก็ผ่านคืนแรกไปได้อย่างน้ำตาเต็มหมอนค่ะ…
วันที่ 2 ของการเลิกขวดนม ทานอาหารเช้าตอน 7 โมงเช้า หลังอาหารเช้าเสร็จ 2-3 ชั่วโมง แอร์ก็ให้ลูกทานนมค่ะ ยื่นนมใส่หลอดดูดให้ทาน ลูกก็ยอมทานค่ะทีนี้ แต่ทานนมค่อนข้างน้อยกว่าดูดขวด พอเข้าช่วงบ่ายก่อนนอนกลางวันลูกก็ขอทานนมแอร์ก็ยื่นนมใส่หลอดดูดให้อีกครั้ง คราวนี้คุณลูกบอกแม่ว่า “ดีดี้โตแล้วดีดี้ไม่ต้องใช้ขวดดูดนมแล้ว” เราก็ตอบทันทีเลยค่ะว่า “ใช่จ๊ะลูกหนูโตแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ขวดนมอีกต่อไปแล้ว” ตอนลูกพูดให้ได้ยินเป็นอะไรที่อิแม่แฮปปี้มาก นั่นหมายความว่าลูกเข้าใจ พอถึงเวลาจะเข้านอน แอร์ก็จัดเวลาให้ลูกทานนมก่อนเข้านอนค่ะ โดยให้ลูกดื่มนมจากแก้วโดยใช้หลอดดูดเช่นเคย คุณลูกยอมทานแต่โดยดีแต่ทานไม่หมดนะคะ จากตรงนี้แอร์อยากจะบอกว่าคุณพ่อคุณแม่ว่า ไม่ต้องกังวลเรื่องลูกทานนมน้อยกว่าเดิมค่ะ ช่วงแรกๆ ก็เป็นแบบนี้ละคะ เดี๋ยวพอลูกชินก็จะทานได้ดีขึ้นเองค่ะ
หลังเลิกขวดนมได้แล้ว…. ก็มักจะมีคำถามต่อจากคุณพ่อคุณแม่อีกว่า
“เมื่อเลิกขวดนมแล้วลูกทานนมน้อยลง กังวลใจจัง” กลัวลูกได้สารอาหารไม่ครบ เป็นอะไรไหม?
ไม่ต้องกังวลค่ะ เพราะเด็กหลังอายุ 1 ปี เด็กควรได้รับอาหารปกติ เป็นอาหารหลักวันละ 3 มื้อค่ะ และได้รับนมเสริมแค่วันละ 2-3 กล่องเท่านั้นเองค่ะ คือจำง่ายๆ นมไม่ใช่อาหารหลักนะคะ นมเป็นอาหารเสริม จริงๆจากประสบการณ์หลังเลิกขวดนมให้ลูกไปแล้ว ถ้าคุณพ่อคุณแม่สังเกตดีดี ก็จะพบว่าลูกทานนมลดลง แต่ลูกก็ทานข้าวเพิ่มขึ้นมากด้วยค่ะ (แอบคิดในใจถ้าเราเลิกขวดนมเร็วกว่านี้ เรื่องลูกทานข้าวน้อยที่เรากังวล มันก็คงช่วยให้เราหายกังวลไปบ้างสินะ)
Mission เลิกขวดนมของบ้านแอร์ก็สำเร็จไปได้ด้วยดีค่ะ แต่ที่แปลกใจคือมันง่ายกว่าที่คิด ลูกร้องไห้แค่คืนเดียวเอง เกินความคาดหมายค่ะ ทีนี้แอร์จะฝากบอกคุณพ่อคุณแม่ว่า สิ่งจำเป็นที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่ต้องปฏิบัติในการเลิกขวดนมของลูกคือการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมให้ลูก พร้อมทั้งความใจแข็งของคุณพ่อคุณแม่เอง ต้องอดทนต่อเสียงเรียกร้องขอขวดนมของลูกค่ะ ฝากไว้อีกนิดนะคะว่า เด็กแต่ละคนมีความพร้อมในการเลิกขวดนมต่างกันค่ะ บางคนอาจเลิกขวดนมได้เองตามธรรมชาติโดยที่พ่อแม่ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ เลย ไม่ว่ายังไงก็แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่ควรจะเลิกขวดนมให้ลูกได้ เมื่ออายุก่อนถึงประมาณ 2 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงก่อนวัยเข้าเรียน หากปล่อยไว้ ยิ่งเวลาผ่านไปนาน เด็กจะยิ่งติดขวดนมมากยิ่งขึ้นจนทำให้การเลิกขวดนมกลายเป็นเรื่องที่ยากมากค่ะ
สุดท้ายนี้บ้านไหนมีลูกใกล้จะ 3 ขวบแล้ว เลิกขวดนมเลยค่ะ อย่าปล่อยเวลาให้ผ่านไป ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ด้วยนะคะ สู้ๆ ค่ะ มันไม่ยากอย่างที่คิดค่ะ เชื่อว่าพ่อแม่ทุกคนทำได้ค่ะ ถ้าเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์แชร์ส่งต่อให้บรรดาเพื่อนๆ คุณพ่อคุณแม่กันนะคะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านบล็อกของแอร์ค่ะ
บ้าย บาย ขวดนม
Comments are closed.