สอนลูกให้แยกแยะและปกป้องตัวเองให้ปลอดภัยจากคนแปลกหน้า
สังคมสมัยนี้มีภัยรอบด้าน จากสถิติรู้หรือไม่ว่า เด็กมีโอกาสที่จะถูกคนใกล้ชิด ญาติ หรือเพื่อนของครอบครัวลักพาตัวมากกว่าคนแปลกหน้าเสียอีกค่ะ สังคมเริ่มอยู่ยากขึ้นทุกวัน ข่าวการลักพาตัวเด็ก เด็กหาย ตลอดจนคดีข่มขืนเด็ก มีเกือบแทบทุกวัน คนเป็นพ่อเป็นแม่อย่างเราๆ ต้องปกป้องใส่ใจดูแลกันเป็นพิเศษหน่อยนะคะ โดยทั่วไปการที่จะรู้ว่าคนไหนดีหรือไม่ดี คนไหนคือผู้ร้าย ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรายังไม่อาจจะดูจากการแต่งกายที่สุภาพ ผิว พรรณผ่องใส ร่างกายสะอาด พูดจาดีเท่านั้น คนลักษณะดังกล่าวอาจจะเป็นผู้ร้ายได้เช่นกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ควรสอนให้เด็กรู้จักแยกแยะคนแปลกหน้าจากที่แอร์อ่านมา ใน Blog นี้แอร์สรุปวิธีการสอนลูกปลอดภัยจากคนแปลกหน้าให้อ่านกันค่ะ
วิธีที่คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองจะสามารถใช้สอนลูกไม่ให้กลัวคนแปลกหน้า พร้อมรับมือกับสถานการณ์อันตรายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ จะบอกว่าการสอนลูกให้แยกแยะและปลอดภัยจากคนแปลกหน้านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะคะ การสอนให้ลูกรู้เท่าทันและการรับมือค่อนข้างยากพอสมควรสำหรับเด็กค่ะ และยิ่งเป็นเด็กเล็กๆ ด้วยแล้วยิ่งยากมากค่ะ
คนแปลกหน้า คือ คนที่ไม่เคยรู้จักกัน คนที่เด็กไม่เคยรู้จักมาก่อนในฐานะญาติพี่น้อง เพื่อนเล่นของลูก คุณครูหรือเพื่อนบ้าน (ที่ติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ)
คุณพ่อคุณแม่สามารถสอนลูกๆ เรื่องคนแปลกหน้าได้โดยการสังเกตพฤติกรรมที่น่าสงสัยและการระมัดระวังตนเอง สอนโดยการอธิบายแก่ลูกๆ ให้ฟังโดยการให้ข้อมูลเพื่อให้ลูกสามารถแยกแยะในเบื้องต้นได้ระหว่างคนแปลกหน้าที่ลูกควรจะระมัดระวัง กับคนแปลกหน้าที่ลูกๆสามารถจะเชื่อถือได้ ที่สำคัญการสอนลูกๆ เรื่องคนแปลกหน้านั้นคุณพ่อคุณแม่จะต้องรู้จักเลือกวิธีพูดคุยให้พอเหมาะพอดีกับวัยของลูกค่ะ ด้วยท่าทีที่สงบแต่หนักแน่น เพื่อให้ลูกๆรับรู้ว่ามันเป็นเรื่องสำคัญที่ลูกจะต้องเรียนรู้ แต่คุณพ่อคุณแม่ต้องระวังในการสอนไม่ทำให้ลูกๆกลัวคนแปลกหน้าจนสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไปนะคะ
พ่อแม่ควรสอนเรื่องคนแปลกหน้าให้ลูกได้อย่างไร?
สอนให้คิดเชิงเหตุผล (ฟังดูยากนะคะ) เด็กปฐมวัย วัยนี้เด็กๆ จะใช้เหตุผลจากสิ่งที่พบเห็นหรือมีประสบการณ์ที่เกี่ยวโยงกับเหตุการณ์นั้นๆ การสังเกต การเปรียบเทียบ พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจเรื่องคนแปลกหน้าให้ได้ดีในจุดหนึ่งค่ะ
- อันดับแรกเลยคุณพ่อคุณแม่ต้องสอนให้ลูกๆ จำชื่อ นามสกุลของตนเองและของพ่อแม่ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ของพ่อแม่ให้ได้ตลอดจนเบอร์ฉุกเฉิน
- ฝีกให้ลูกเป็นคนช่างสังเกต ด้วยวิธีการเล่นเกมต่างๆ ฝึกให้ลูกๆบรรยายรายละเอียดของคน เช่น คนนี้มีผม ผิว สีอะไร สวมเสื้อสีอะไร ฯลฯ จะเป็นพื้นฐานให้จดจำรายละเอียดของคนแปลกหน้าได้
- กรณีที่เด็กเล็กๆมาก คุณพ่อคุณแม่ควรดูแลอย่างใกล้ชิดค่ะ เช่น การอุ้มเด็กเล็ก การดูแลเด็กที่หลับสนิทต้องเป็นหน้าที่ของพ่อแม่เท่านั้น ไม่ควรฝากคนอื่นที่ไม่รู้จักหรือรู้จักผิวเผินให้อุ้มเด็ก เพราะเคยมีกรณีที่คนไม่รู้จักอุ้มเด็กหนีหายไปเลย
- ฝีกให้ลูกอยู่ในสถานการณ์ที่จำเป็น ที่ต้องอยู่บ้านตามลำพัง หากมีคนมาเคาะประตูบ้าน เด็กจะต้องไม่พูดโต้ตอบ ไม่เปิดประตู ให้คนแปลกหน้าเข้าใจว่าบ้านไม่มีคนอยู่ ดีกว่ารู้ว่าเด็กอยู่ตามลำพัง
- สร้างกฎของครอบครัว อาจจะตั้งรหัสลับของครอบครัว เช่น ให้พูดคำว่า “ปวดหัว” เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรืออยู่ในภาวะคับขันและต้องการความช่วยเหลือ อีกตัวอย่างหนึ่งคือถ้าหากว่าคุณพ่อคุณแม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้บุคคลอื่นไปรับลูกไม่ว่าจะเป็นหลังโรงเรียนเลิกหรือจากเลิกเรียนพิเศษ คุณพ่อคุณแม่อาจจะตั้งรหัสลับกับลูกๆ เช่น ให้ลูกสอบถามกับบุคคลที่มารับลูกว่า “รหัสอะไร” ถ้าตอบไม่ได้หรือตอบไม่ถูก ก็ควรจะจะสอนลูกในขั้นตอนต่อไปว่าควรทำตัวอย่างไร เช่น ให้ไปแจ้งคุณครู ให้ลูกโทรหาคุณพ่อคุณแม่ สอนให้เด็กรู้จักปฏิเสธจากคนแปลกหน้า ให้ลูกรีบหนีออกมาตลอดจนส่งเสียงขอความช่วยเหลือ
- สอนให้ลูกรู้จักพูดปฏิเสธข้อเสนอของคนแปลกหน้าที่จะให้โดยสารรถไปด้วย เพราะอาจจะนำไปทำมิดีมิร้ายหรืออาจถูกพาไปขายหรือเรียกค่าไถ่ เด็กควรจะอยู่ห่างจากรถคนที่ไม่รู้จัก หากเข้าไปอยู่ใกล้รถเพื่อพูดจากับคนในรถอาจถูกจับตัวไปได้
- ฝึกให้ลูกรู้จักการขออนุญาตก่อนไปเล่นบ้านคนอื่น เมื่อลูกไปเล่นที่ใด ต้องฝึกให้บอกผู้ปกครองหรือคุณครูทราบ
- สอนจากการเล่านิทาน เช่น นิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดง ฯลฯ การเล่นสมมติ การเล่นเลียนแบบ และสอนให้ลูกรู้จักอาชีพและชุดแต่งกายบุคคลอาชีพต่างๆ เช่น ชุดเครื่องแบบยามรักษาความปลอดภัย ชุดตำรวจ ชุดพนักงานขายของร้านสะดวกซื้อ ชุดเสื้อผ้าผู้ใหญ่ทั้งหญิงและชาย ตลอดจนของเล่นที่หลากหลาย เช่นโทรศัพท์มือถือ วิทยุสื่อสาร กิจกรรมเหล่านี้จะสะท้อนความคิดของเด็กเรื่องการแยกแยะคนแปลกหน้า
- ผู้ปกครองควรเล่าข่าวจากโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ให้ลูกฟังพร้อมยกตัวอย่าง โดยเน้นแต่เรื่องดีๆ ให้เด็กคิดในเชิงบวก แต่ก็ควรจะพูดเล่าความจริงในโลกนี้เป็นอย่างไร และควรจะเล่าทั้งเรื่องราวไม่ดีด้วย เช่น ข่าวเด็กหายที่คาดว่าคนแปลกหน้าขโมยไป ก็ควรเล่าให้ลูกฟังได้
- สอนให้ลูกระมัดระวังการรับของขวัญหรือของฝากจากคนแปลกหน้า เพราะอาจเป็นสิ่งที่ไม่ดี หรือผิดกฎหมาย หรือมีเจตนาล่อ ลวง
- หากมีคนแปลกหน้าเข้าถึงตัว เข้ามาจับหรือพยายามมาสัมผัสบริเวณร่างกาย ต้องสอนให้เด็กๆ หนีออกมา ส่งเสียงขอความช่วยเหลือหรือโวยวายให้ดังที่สุด
- สอนให้ลูกรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนในโลกนี้สามารถเชื่อถือได้ ในโลกนี้มีทั้งคนแปลกหน้าที่ “ดี” และคนแปลกหน้าที่ “ไม่ดี”
- บอกลูกว่าลูกมีสิทธิที่จะปฏิเสธคนแปลกหน้า สามารถที่จะกรีดร้อง ต่อสู้ เตะ เมื่อพวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัย ลูกมีสิทธิที่จะทำตัวไม่สุภาพเมื่อลูกกลัวหรืออยู่ในอันตราย
- “การสอนให้ลูกไม่ได้พูดคุยกับคนแปลกหน้า” เป็นสิ่งที่คนมักจะพูดและสอนกันมา แต่มันเป็นแบบผิดๆ ค่ะ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรที่จะสอนให้ลูกพูดคุยหรือเข้าใกล้คนแปลกหน้าอย่างถูกวิธี ตัวอย่างเช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือพนักงานรักษาความปลอดภัย
- บอกลูกว่าถ้ามีคนแปลกหน้า เสนออะไรให้ก็ตามหรือขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับงาน ให้ลูกจะตอบไปว่า “ไม่!” เสียงดังๆ และเดินหนีออกไป เพราะผู้ใหญ่ควรถามผู้ใหญ่เพื่อขอความช่วยเหลือไม่ใช่มาถามเด็ก
- สอนให้ลูกๆเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง สอนให้ลูกมีพื้นฐานการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวเอง
- สอนเด็กๆให้ทราบถึงสถานที่ที่ปลอดภัยภายในบ้าน ตลอดจนเส้นทางที่ปลอดภัยที่จะใช้หรือแนะสถานที่ที่ปลอดภัยหากเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์คับขัน
นอกเหนือจากข้อความที่สรุปมาให้อ่านข้างบนนี้แล้วแต่ละบ้านอาจจะมีวิธีสอนให้รับมือต่างกันหรือมีวิธีอื่นๆ อีก ตามแล้วแต่ละครอบครัวค่ะ แต่เบื้องต้นที่คุณพ่อแม่ควรจะสอนก็มีประมาณนี้ค่ะ ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่มีคำแนะนำเรื่องการสอนลูกให้แยกแยะคนแปลกหน้าเพิ่มเติมก็สามารถแชร์ประสบการณ์เอาไว้ที่ Comment ใต้บทความนี้ได้เลยนะคะ ข้อมูลที่แชร์ของท่านอาจจะเป็นประโยชน์ต่อครอบครัวอื่นๆ ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลที่มา จาก www.taamkru.com,
theasianparent.com,
kruwantida.blogspot.com
Teach your children to kill people without weapons then they can protect themselves. Killing people can be done without weapons in many ways. When your kid is the victim of crime, killing the criminal is legal.
Teach your children to kill people without weapons then they can protect themselves. Killing people can be done without weapons in many ways. When your kid is the victim of crime, killing the criminal is legal.