เที่ยวญี่ปุ่น พ่อแม่ลูก 5 วัน Tokyo & Yokohama
ถึงเวลาพาลูกเที่ยวเดินทางกันอีกแล้ว… ทริปนี้ครอบครัวแอร์พาลูก เที่ยวญี่ปุ่น ค่ะ ช่วงที่ไปเป็นช่วงหน้าร้อนของญี่ปุ่นพอดี (เดือนมิถุนายน – กรกฎาคม – สิงหาคม) ตอนก่อนจะไปใครต่อใครก็ทักมาว่า ไปช่วงหน้าร้อนหรอ? มันร้อนมากนะ จะสนุกหรอ!! คือ คำตอบของแอร์ที่เลือกไปช่วงนี้ ก็เพราะว่าเราเลือกเอาฤกษ์สะดวกค่ะ ที่ไปช่วงนี้เพราะลูกปิดเทอมพอดีแค่นั้นเอง แถมข้อดีของการไปหน้าร้อนที่ชอบมากคือเราไม่ต้องหอบเอาเสื้อผ้าหนาๆ เสื้อกันหนาวไปให้เปลืองพื้นที่กระเป๋าด้วย จะบอกว่าพอถึงญี่ปุ่นฤดูร้อนของเค้าอากาศก็เหมือนบ้านเรานี่แหละ เหมือนเดินตามจตุจักร เหมือนเดินซื้อของตามท้องถนน เหมือนเดินสยาม ถ้าอยากจะเดินแบบเย็นๆ ก็เดินในห้างเอาค่ะ มันก็ไม่ได้ร้อน ร้อน ร้อน ขนาดนั้น แอร์คิดว่าบ้านเราน่าจะร้อนกว่าเค้าด้วยซ้ำ!! (แต่ถ้าใคร วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น ช่วงนี้ ถ้าจะต้องเที่ยวกลางแจ้ง ก็พกร่ม หมวก แว่นไปด้วยนะคะ)
ทริป เที่ยวญี่ปุ่น นี้ไปไหนบ้าง•••
DAY 1: Narita Airport → Tokyo → เดินเล่น เดิน Shopping แถวๆ Shinjuku Station → ย่าน Kabukicho
DAY 2: Tokyo → Tsukiji Fish Market → Legoland Discovery Centre → Palette Town ขึ้นชิงช้าสวรรค์ความสูงระดับโลก → ห้าง Venus Fort มี OUTLET → DiverCity Tokyo Plaza ชมหุ่นยนต์กันดั้ม
DAY 3: Tokyo → Yokohama Hakkejima Sea Paradise (พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ) → Tokyo
DAY 4: Tokyo → Sanrio Euroland (ธีมปาร์คสวนสนุกในร่ม) → ฮาราจูกุ (Harajuku) → ห้าแยกชิบูย่า (The Shibuya Crossing)
DAY 5: Tokyo → Shinjuku → Narita Airport → Bangkok
ทริปนี้แอร์ วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น เดินทางไป เที่ยวญี่ปุ่น โดยสายการบินแอร์เอเชียค่ะ ไปกัน 3 คน พ่อ แม่ ลูก (ลูกคนเล็กไม่ได้ไปด้วยค่ะ ฝากไว้ที่บ้านกับยาย) ทริปนี้บินชั้นประหยัดค่ะ (Economy Class) พิเศษหน่อยตรงจอง Hot Seats และเพิ่ม extra leg-room เอาแค่นี้ค่ะ ลูกสาวแอร์อายุ 2 ขวบกว่าๆ ครั้งนี้เป็นการเดินทางแบบนอนบนเครื่องบินครั้งแรกของลูกสาวแอร์ค่ะ ปกติแอร์จะพาลูกเดินทางกันแบบบินไฟล์ทไทม์สั้นๆ แค่ไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง ค่ะ รอบนี้ไฟล์ทไทม์ 6 ชั่วโมง บ้านเราขาลุยค่ะ ไม่ชอบอะไรพิเศษเวอร์วัง ฝึกความอดทนลูกได้ดีค่ะ ครั้งแรกกับการเดินทางแบบนอนบนเครื่องบินของคุณลูกสาว โดยรวมแอร์คิดว่าผ่านไปด้วยดีค่ะ มีงอแงบ้างนิดหน่อยในช่วงแรกๆ เท่านั้นเอง ไฟล์ทแรกของการเดินทางคุณลูกนอนบนตัวอิแม่ทั้งคืนเลยค่ะ คงเพราะว่านางยังคงไม่ชินกับการนั่งนอนซักเท่าไหร่ แต่ไม่เป็นไรแม่ทนได้ค่ะ
Booking ที่จองไปค่ะ ทั้งไปและกลับ ขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองค่ะ
วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น การเตรียมตัวของแอร์สำหรับการเดินทาง เที่ยวญี่ปุ่น ครั้งนี้ เตรียมอะไรไปบ้างก็เตรียมตามปกติค่ะ ขนม น้ำ นม ของใช้จำเป็นของลูก แต่รอบนี้พิเศษหน่อยคือนอนบนเครื่องบิน ไฟล์ทไทม์เครื่องออกตอนห้าทุ่มกว่าๆ ค่ะ ก็ขึ้นไปบนเครื่องก็นอนพอดี สิ่งที่แอร์เตรียมให้ลูกก็มี หมอนรองคอเด็กค่ะ ผ้าห่มหรือผ้าพันคอค่ะ และแต่งตัวให้ลูกก็เตรียมพร้อมสำหรับการนอนค่ะ ชุดที่ใส่ก็สบายๆ ไม่รัดจนจนเกินไป เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว สวมถุงเท้าให้ลูกค่ะ ติดเสื้อแจ็คเก็ตไม่หนามากนักไปอีกตัว เพราะบนเครื่องบินอากาศจะค่อนข้างเย็น เด็กหนาวได้นะคะ ขนาดผู้ใหญ่อย่างเรายังต้องติดเสื้อคลุมไปอีกตัวเลยค่ะ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น เรื่องการเตรียมตัวเดินทางโดยเครื่องบินแนะนำให้เข้าไปอ่านได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ http://goo.gl/oPDzb0
ถึงแล้วจ้า…. สนามบินนาริตะ
ซื้อตั๋วรถไฟไปโตเกียว
พอถึงสนามบิน เราสามคนพอแม่ลูกก็นั่ง รถไฟเข้า เมืองโตเกียวค่ะ ตลอดทริปนี้ครอบครัวแอร์จองโรงแรมที่พักในโตเกียวยาวเลยตลอด 5 วัน นั่งรถไฟเอาของไปเก็บในโรงแรมกันก่อนแล้วค่อยว่ากันค่ะ ว่าจะไปเที่ยวเล่นกันที่ไหน จะบอกว่าทริปนี้ของแอร์ออกแบบการเดินทางแบบสบายๆนะคะ ไม่ได้ fix เรื่องเวลามากนัก สำหรับวันแรกดูจากภาพหน้าตาเหนื่อยกันเลยทีเดียว!!
ถึงโตเกียวแล้วค่ะ วันที่ไปถึงแดดไม่มี ครึ้มฟ้าครึ้มฝน แต่ฝนไม่ตก อากาศสบายๆ มีลมแต่ไม่มีแดด
มื้อแรกเบาๆ อาหารว่างรองท้อง ระหว่างนั่งรอ Check in เข้าโรงแรม ร้านข้างๆ โรงแรมไม่ไกลนักเลยขอแวะไปลอง ชื่อร้าน “Tahisian Noni Cafe” ร้านนี้เน้นอาหารมีคุณประโยชน์เพื่อสุขภาพค่ะ Sushi จานนี้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่เค้าเรียกกันว่า “Raw Food” เป็นอาหารที่ทำจากผลไม้สด ผักสด ต้นอ่อนของเมล็ดพืช วัตถุดิบทั้งหมดจะไม่ผ่านกระบวนการปรุงแต่งใดๆ ค่ะ ไม่มีแป้งและน้ำตาล ใช้ความร้อนไม่เกิน 46 องศาเซลเซียส เพื่อคงคุณค่าของเอ็นไซม์ วิตามิน และเกลือแร่ นอกจากนี้แล้ววัตถุดิบที่ใช้ ก็ไม่มีการใช้สารเคมี เค้าว่าอาหารประเภทนี้ รับประทานแล้วจะมีสุขภาพดี สวยได้จากภายในสู่ภายนอกค่ะ จัดไปค่ะ หลังจากทานแล้วรสชาติอาหารจานนี้ดีมากกว่าที่คิดนะคะ เค้าทำมาได้อย่างลงตัว ส่วนตัวแล้วแอร์เป็นคนชอบทานผัก จานนี้ขอยกมือให้ว่าผ่านมากๆ ค่ะ ชอบเลย ใครมีโอกาสผ่านมาแถวๆ นี้ลองแวะเข้าไปชิมกันนะคะ
ถึงเวลา Check in เข้าโรงแรมแล้ว โรงแรมที่พักชื่อว่า Shinjuku Washington Hotel ห้องพักถือว่าโอเคเลยค่ะ เล็กแต่ก็ไม่รู้สึกว่าเล็กจนอึดอัดนะ ก็ไม่ได้อะไรมากมาย เพราะส่วนใหญ่เราออกเที่ยวอยู่แล้วค่ะ ไม่ได้อยู่โรงแรมตลอดเวลา ภายในตึกโรงแรมนี้มีร้านอาหารหลายร้านมากๆ มีร้านแฟมิลี่มาร์ทด้วยค่ะ ถือว่าสะดวกสบายพอสมควร ข้อดีอีกอย่างที่เลือกโรงแรมนี้คือใกล้สถานีรถไฟด้วยค่ะ
ภายในห้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบค่ะ เครื่องฟอกอากาศ ไดร์เป่าผม ภายในห้องน้ำมีอ่างน้ำเล็กๆ สบู่ แชมพู ครีมนวดผม โฟมล้างหน้า ทุกอย่างเป็นของแบรนด์ SHISEIDO ชิเซโด้ ค่ะ ราคาห้องต่อคืนอยู่ที่ 5,460 บาท แอร์จองผ่าน agoda.com ค่ะ
หลังจาก Check in เข้าโรงแรมแล้ว ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพักผ่อนกันนิดหน่อยค่ะ แต่ก็รู้สึกว่า..ไม่หน่อยนะ เล่นงีบหลับกันพักหนึ่งเลย พอตื่นมาก็มื้อเย็นพอดีค่ะ ก็ไม่ได้อะไรกันมากค่ะ พากันเดินทางไปยังแถวๆ สถานนีรถไฟ Shinjuku Station หรือแถวๆ ย่านชินจูกุนั่นแหละค่ะ เดินกันไปเรื่อยเปื่อยค่ะ 3 คน พ่อ แม่ ลูก เดินไปเจอดงร้านอาหารปิ้งย่าง… กลิ่นโชย ชวนน้ําลายสอมาก เดินผ่านซอยเล็กซอยน้อยนิปิ้งกันแทบทุกร้าน กลิ่นนิติดผมเลยกลับไปถึงโรงแรมต้องสระกันด่วนๆ
โซนนี้มีร้านอาหารให้เลือกกันมากมายค่ะ จากในรูปร้านนี้ มีซาชิมิที่ทำจากเนื้อม้าดิบแล่บางๆ และซาชิมิเนื้อวาฬด้วย ใครเคยลองบ้าง รสชาติเป็นยังไงคอมเม้นมาบอกกันบ้างนะคะ ส่วนตัวแอร์เมนูนี้ขอบาย…
ซอยเล็กๆ แต่ร้านนั่งกินเพียบนะคะ นี้ถ้าไม่มีลูกจะขอไปซดเบียร์ นั่งปิ้งย่างกับเค้าละเนี่ย
ร้านเยอะมากๆ เลือกกันไม่ถูกเลย แต่แอร์เลือกเข้าร้านในรูปนี้ค่ะ
ดินเนอร์มื้อแรก จัดๆ เลยค่ะ ซาชิมิรวมๆ จานน้อยๆ มาหนึ่งจาน คุณลูกสาวมีความตลึง นางถามปลามันเป็นอะไรค่ะแม่!!!
จานนี้เป็นเนื้อตุ๋นค่ะ จะบอกว่าฟิน อร่อย เนื้อละลายในปากมาก!!
ไข่หวานย่างของโปรดคุณสามีค่ะ จัดไป!! นอกจากนี้แล้วที่สั่งก็มีไก่คาราอะเกะ เมนูไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น รูปไม่ได้ถ่าย ลืมค่ะ!! สรุปให้โดยรวมๆ นะคะว่า ร้านนี้รสชาติอาหารใช้ได้เลย ไม่ผิดหวัง!!
ทานข้าวเสร็จก็พาคุณลูกเดินเที่ยวเล่นค่ะ แนะนำคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกวัยซนก็พกรถเข็นไปด้วยนะคะ ช่วยได้เยอะมากๆ ค่ะ จะบอกว่าที่ญี่ปุ่นถนนหนทาง รถไฟต่างๆ เค้าค่อนข้างมีความสะดวกมากๆ สำหรับคนที่ใช้รถเข็นค่ะ มีลิฟท์ มีทางเดินที่รถเข็นสามารถเข็นขึ้นได้ บนรถไฟก็มีตู้ขบวนที่จัดพื้นที่ให้สำหรับคนที่ใช้รถเข็นโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะรถเข็นเด็กหรือรถเข็นสำหรับคนพิการค่ะ
เดินกันมาถึงถนน Central Road ย่าน Kabukicho
จุดเด่นย่านนี้คือหัวก็อตซิลล่าอยู่บนตึก ย่านนี้จะมีร้านอาหาร ผับ บาร์เยอะมากๆ ค่ะ
ย่านนี้คนจะเยอะมากๆ ด้วย
เท่าที่ทราบมาย่านนี้มีสีสันอย่างมาก เต็มไปด้วยศูนย์การค้า ร้านขายสินค้าแฟชั่น ร้านขายสินค้าลดราคาและสินค้ามือสอง ร้านอาหาร และแหล่งบันเทิงยามราตรีที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่นเลยจ้า
วันที่ 2 ในโตเกียว ครอบครัวแอร์เดินทางมาที่ตลาดปลาซึกิจิ (Tsukiji Fish Market) ค่ะ ทริปนี้แอร์เน้นมากต้องมาให้ได้เพราะตัวเองชอบทานอาหารญี่ปุ่นมากโดยเฉพาะปลาดิบ และซูชิ
ช่วงที่แอร์มาถึงก็ประมาณสายๆ นะคะ ปกติแล้วจากที่อ่านๆ มาเค้าบอกให้มากันแต่เช้าค่ะ แต่พอดีแอร์สายชิว ตื่นแบบสบายๆ บรรยากาศตอนที่มาถึงคนก็ยังเยอะมากๆ อยู่ร้านค่ะ ร้านอาหารก็เปิดอยู่เยอะมากๆ เช่นกันค่ะ
สิ่งแรกที่เห็นคือ ไข่หวานค่ะ คิวยาวอยู่พอสมควรเลยเดินไปต่อดู คิวไปเร็วมาก..รอไม่นานอย่างที่คิด รสชาติไข่หวานร้อนๆ อร่อยปังปังค่ะ!
หอยใหญ่มาก!!!!
ขาปูยักษ์
ทุกสิ่งอย่างล้วนมีความน่ากิน
ขาปูยักษ์จานนี้ 1,500 เยน คือราคาถูกและดีมาก จุดเน้อิแม่มีความฟิน!!! แค่นั้นยังไม่พอคุณลูกก็ฟินค่ะ
เห็นราคาแล้ว ไม่แรงเท่ากินบ้านเราฮาๆ
แนะนำว่าควรเตรียมท้องของท่านให้มีที่ว่าง แล้วกินวนๆ ไปค่ะ
ทุกสิ่งอย่างในตลาดปลาแห่งนี้ แอร์กินได้หมด… แต่แค่เดินซอยแรกท้องก็จะแตกแล้ว..
หอยเม่นสดๆ แสนหวาน กรุ๊บกริ๊บ
อิหอยเม่น… จัดไปหลายตัวมาก… คือมีความฟินระดับโลก! จริงๆนะ
ปลาไหลย่างค่ะ อร่อยมากเช่นกัน
ตลาดปลาของอร่อยเยอะ เลือกทานกันได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ค่ะ
จากตลาดปลา เดินพุงกางเรื่อยเปื่อย นาฬิกาที่ตึกนี้เก๋มากๆ ค่ะ
กินเสร็จแล้ว พาลูกไปปล่อยพลังที่ LEGOLAND ค่ะ ครอบครัวแอร์พาคุณลูกนั่งรถไฟกันมาค่ะ
แผนที่ของ LEGOLAND ค่ะ เป็นโซนต่างๆ ที่จัดไว้ให้เข้าชม
ประตูทางเข้าค่ะ
ด้านในมีเครื่องเล่น เป็นรถ.. มีปืนเลเซอร์ให้ยิง.. ในจอภาพคล้ายๆ เล่นเกม
ด้านในทุกสิ่งทุกอย่างที่โชว์ไว้ สร้างเป็นเมืองต่อจากเลโก้ทั้งหมดค่ะ
เด็กๆ ถ้าได้เข้าไป ยิ่งคุณลูกบ้านไหนชอบเล่นต่อเลโก้นะ รับรองตื่นตาตื่นใจน่าดู
ภายในของส่วนการแสดงจะจัดแสง แบบทั้งกลางวันและกลางคืนค่ะ พอกลางคืนเค้าก็จะเปิดไฟในเมืองเลโก้
ถ่ายรูปให้หน่อยค่ะแม่^^
ลูกๆ เข้าไปในดินแดนแห่งนี้รับรองความฟิน!
เล่นรถไฟ
จะบอกว่าข้างในการการจัดแสดงทุกสิ่งอย่างที่ต่อกันขึ้นมาทำด้วยความละเอียดมากๆ ค่ะ ใส่ใจในทุกๆ ดีเทลเลย
เที่ยว LEGOLAND เสร็จแล้ว.. มาขึ้นชิงช้าสวรรค์กันต่อค่ะ นั่งรถไฟมาย่านเกาะ โอไดบะ
ห้างนี้มีชื่อว่า ห้างวีนัส ฟอร์ด (Venus Fort) ด้านบนชั้นที่ 3 มี OUTLET ค่ะ
ห้างนี้สร้างมาสำหรับคนมีลูกโดยเฉพาะเลย มีสินค้าเด็กมากมาย ราคาถูกของดีๆ ที่ Sale ก็มี แถมห้างนี้ยังให้คนรักสุนัขพาสัตว์เลี้ยงเข้ามาเดินได้ด้วย ด้านในมี Shop สำหรับสัตว์เลี้ยงค่อนข้างใหญ่พอสมควร คุณแม่ขาช็อปมาเดินที่นี่รับรองมีความฟิน เช็คอินเข้าปุ๊ป กระเป๋าเบาแน่ๆ ฮาๆ หากถามว่าแอร์ได้อะไรไปเยอะไหม ตอบเลยว่ามาก… ไม่ใช่ของตัวเองนะคะ ของลูกๆ ทั้งนั้นค่ะที่ซื้อไป
ขึ้นชิงช้าสวรรค์กันค่ะ… ตอนขึ้นเล่นเอาเหนื่อยมากๆ ต้องหอบทุกสิ่งอย่าง ทั้งรถเข็นลูกและของที่ Shopping ขึ้นบันไดมาเอง จะฝากไว้ก็ไม่มีที่ให้ฝาก ยังดีที่มนุษย์แม่อย่างเรายังมีความฟิต เท่าที่ทราบชิงช้าสวรรค์นี้สูงที่สุด ติดอันดับของโลกเหมือนกันนะ มีความสูงจากพื้นดินประมาณ 115 เมตร คนนิยมขึ้นไปนั่งชิงช้าชมวิวอ่าว โตเกียว และ เกาะโอไดบะ ค่ะ
ชิงช้าสวรรค์ พาเลท ทาวด์ เฟอร์รีส (Palette Town Ferris) “ชิงช้าสวรรค์ ไปไม่ถึงสวรรค์นะแม่” คุณลูกได้กล่าวไว้ 🙂
นอกจากเป็นห้างที่รวบรวมสินค้าต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังมี พิพิธภัณฑ์ โตโยต้า (Toyota Mega Web) สำหรับคนชอบรถยนต์ต้องห้ามพลาด
พาเลตทาวน์ (Palatte Town) และ ห้างวีนัส ฟอร์ด (Venus Fort) อยู่ติดกันเลย ศูนย์รวมสรรพสินค้า ห้าง ร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ ภายในมากมาย
นั่งชิงช้าเสร็จแล้วเดินมาอีกหน่อยก็ถึงห้าง ไดเวอร์ซิตี้ โตเกียว พลาซ่า (DiverCity Tokyo Plaza) เป็นห้างดังอีกห้างหนึ่งค่ะ อยู่ใกล้ๆ กันกับ ห้างพาเลตทาวน์
จุดเด่นของห้างนี้ก็คือ หุ่นยนต์กันดั้ม ขนาดเท่าของจริงขนาดใหญ่มาก ห้างนี้เราไม่อินค่ะ แต่มนุษย์พ่อกับใครที่มีลูกชายชอบหุ่นยนต์รับรองอินชัวร์!!
บริเวณห้างใกล้ๆ กับหุ่นยนต์กันดั้มจะมีร้านค้าสำหรับคอกันดั้ม ชื่อว่ากันดั้มคาเฟ่ (Gundam Cafe)
จบทริปของวันที่ 2 ในโตเกียวอย่างเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า… แต่เปี่ยมด้วยความสุข ความฟินของท้องน้อยๆ ตั้งแต่ตลาดปลา ต่อด้วยความบันเทิงของคุณลูกที่เลโก้แลนด์ ขึ้นชิงช้าสวรรค์ชมวิวอ่าวโตเกียวกับครอบครัว พรุ่งนี้ยังอีกยาวไกล ขอกลับไปพักเอาแรงกันก่อนนะคะ
วันที่ 3 โตเกียว → นั่งรถไฟพาคุณลูกไป Yokohama Hakkejima Sea Paradise
เข้าไปถึงก็ซื้อตั๋วเลยค่ะ เค้าจะมี Counter Ticket อยู่ด้านหน้าทางเข้า Aqua Museum ครอบครัวแอร์ซื้อแบบเข้าได้หมดทุกอย่างค่ะ จะเป็นบัตรที่ติดข้อมือเรา แนะนำว่าครอบครัวไหนที่จะมาเที่ยวก็แพลนมาแต่เช้าหน่อย Yokohama Hakkejima Sea Paradise มีอะไรให้ดูเยอะ แถมยังมีเครื่องเล่นมากมายให้เด็กได้เล่นกันด้วยค่ะ ใช้เวลาก็เกือบๆทั้งวันนะคะ เดินชมเดินดูโน่นนี้นั่นไปเรื่อยๆ ค่ะ
Aqua Museum มีสัตว์น้ำแปลกๆ ที่เมืองไทยไม่มีเยอะค่ะ ตามดูรูปไปเรื่อยๆ นะคะ
ปูยักษ์
แมงกะพรุน
มีโชว์ปลาโลมาด้วยเช่นกัน แนะนำว่าพอซื้อตั๋วเราก็ดูตารางเวลาในแผนที่ที่เค้าแนบมา เพื่อที่จะได้กะเวลาในการเดินชม เผื่อเวลาไว้มาดูโชว์ค่ะ
ปลาโลมาสีขาวเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของ Aqua Museum ด้วยค่ะ
เต่าทะเล
รูปนี้ขอใช้ effect เพราะภาพที่มาค่อนข้างมืด
ชอบมากๆ เลยเป็นปลาโลมาว่ายอยู่ค่ะ
ปลาอะไรเอ่ย? ใครทายถูกบ้าง
จ๊ะเอ๋แมวน้ำ!
โดยรวมแล้วครอบครัวแอร์ประทับใจ Hakkejima Sea Paradise มากๆ แอร์กะว่ามีโอกาสจะพาลูกๆ มาเที่ยวกันอีก ทริปนี้เวลาน้อยไปนิดเดินแป็ปเดียวจะเย็นแล้วค่ะ ต้องทำเวลาหน่อยเพราะแอร์ต้องกลับไปนอนโตเกียว
กิจกรรมก่อนกลับแวะ UMI FARM ค่ะ เป็นกิจกรรมตกปลาสนุกๆ สำหรับครอบครัว แอร์ต่อคิวซื้อตั๋วเข้าไปตกปลาค่ะ ไหนๆ ก็มาถึงแล้วเอาให้สุดค่ะ ตกปลากันเลย..
บรรยากาศค่ะ มีหลายๆ ครอบครัวมาตกปลากันเช่นกันค่ะ
รับกระป๋อง เหยื่อ และคันเบ็ด
กำลังสอนลูกตกปลาค่ะ… งานนี้อิแม่ถนัด ตอนเด็กๆ แอบตกปลาตามทุ่งนาบ่อยๆ ฮาๆ
ลูกสาวก็ช่วยกันตกปลาค่ะ
ใส่เหยื่อ แล้วหย่อนเบ็ดลงไปค่ะ
ถามว่าตกปลาได้ไหมตอบเลยว่าได้…
ตกได้ 4 ตัวพอแล้วค่ะ เพราะอะไรรู้ไหม ตกเยอะไปต้องรับผิดชอบกินเองด้วยค่ะ คือที่ Umi Farm นี้ ตอนที่เข้ามาเค้าบอกเราอยู่แล้วว่า ตกปลาแล้วเอามาทอดกินได้เลยค่ะ ปลาที่เราตกนั่นแหละค่ะสดๆ เค้ามีบริการทอดให้เสร็จเลยจ้า.. ตกพอกินเนอะ กินในบริเวณนี้เท่านั้นด้วยนะคะ ห้ามนำออกนอกพื้นที่จ้า
กำลังจะเอาปลาไปส่งทอดจ้า
ได้ที่ตกทอดมาแล้ว จะบอกว่ากลิ่นนิหอมน้ำลายสอมาก!!
ถามว่าอร่อยไหม ตอบเลยมาก!!! เป็นคนชอบทานปลาอยู่แล้วค่ะ รสชาติเหมือนปลาทูเลยอ่า 🙂
ยามเย็น ณ Yokohama Hakkejima Sea Paradise
เครื่องสุดเสียว ลองไหม!!
ตอบเลยว่าลองจ้า… ขึ้นสิค่ะ รออัลไร… คุณพ่อดูลูกไปนะ ขอแม่เล่นเพิ่มอะดรีนาลีนหน่อยก่อนกลับ
วันที่ 4 โตเกียว → ซานริโอ พูโรแลนด์ → ฮาราจูกุ (Harajuku) → ห้าแยกชิบูย่า
วันนี้วันของคุณลูกอีกวันค่ะ พามาเที่ยว ซานริโอ พูโรแลนด์ (Sanrio Puroland) ดินแดนสำหรับคนเลิฟคิตตี้
จะบอกว่าคนญี่ปุ่นเค้าใส่ใจในรายละเอียดมากๆ เลย พอมาถึงสถานีรถไฟจุดหมายปลายทางของ ซานริโอ พูโรแลนด์ สิ่งที่เจอคือแกงค์ ซานริโอ (Sanrio) ค่ะ ทุกดีเทล์บนพื้นที่ของสถานีรถไฟ คือน่ารักมากๆ
ตู้หยอดเหรียญซื้อน้ำก็เป็นซานริโอ
ขนาดลิฟท์ยังเป็นคิตตี้
ถึงแล้ว ซานริโอ พูโรแลนด์ คุณลูกสาวถามแม่ แม่ๆ นี้บ้านคิตตี้จริงๆ เลยใช่ไหม?
อย่าลืมซื้อตั๋วก่อนเข้านะคะ
ภายในตกแต่งอย่างอลังการค่ะ เป็นดินแดนของเด็กๆ โดยแท้ ลูกแอร์ชอบและตื่นเต้นมากค่ะ
ที่นี่จะมีโชว์อยู่เรื่อยๆ ตอนเข้ามาสามารถตรวจสอบเวลาโชว์ตามแผนที่ที่แนบมาตอนซื้อตั๋วค่ะ จะมีตารางเวลาโชว์ต่างๆ แจ้งไว้ค่ะ
พาลูกไปดูโชว์ของคิตตี้.. จริงๆ ฟังไม่รู้เลยค่ะ เพราะเค้าพูดญี่ปุ่นกันทั้งเรื่อง^^
มุมถ่ายรูปเยอะมากๆ ถ่ายกันมาแบบว่าเพียบค่ะ แต่แอร์ขออนุญาตลงภาพแบบเบาๆ นะคะ
Food Court ที่นี่น่ารักมากๆ นะคะ แม้แต่เมนูทุกสิ่งอย่าง ซานริโอ หมดค่ะ
ถ้าได้เข้ามาแล้วไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เสียตังก่อนกลับบ้านแน่นอน
สำหรับ ซานริโอ พูโรแลนด์ ใช้เวลาไม่นานมากค่ะ วางแผนกันไว้ครึ่งวันก็พอ
ไม่ใช่แค่ลูกชอบนะคะ คุณแม่ก็ชอบค่ะ ขอถ่ายเก็บไว้บ้าง
จากดินแดนแห่งความฝันของเด็กน้อย มาต่อที่ ฮาราจูกุ (Harajuku) ดินแดนของวัยรุ่นกันต่อค่ะ
แวะมา Kiddy Land มา Shop กันต่อค่ะ
ร้านนี้จะมีของน่ารักๆ มากมายให้เลือกซื้อเลยค่ะ
ย่านนี้เป็นย่านของวัยรุ่นค่ะ แถมคนจะเยอะมากๆ อีกด้วย
พักเหนื่อยมาทานอาหารเย็นที่ร้านนี้ค่ะ เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างค่ะ
มีทั้งเนื้อ ทั้งหมู แบบไม่อั๋นค่ะ ราคาหัวละ 3 พันกว่าเยน
ทานข้าวเสร็จนั่งรถไฟมาเดินเรื่อยเปื่อยมาถึงย่านชิบูย่า (Shibuya) มาถึงแล้วต้องนี่เลยค่ะ ห้าแยกชิบูย่า (The Shibuya Croosing) คนเยอะมากๆ จริง ตาลาย…
พาคุณลูกนั่งรถเข็น เข็นกันไปดูแสงสีตามตึกอันสูงใหญ่ตระการตา บรรยากาศคึกคักและกลิ่นอายของโตเกียว “ชิบูย่า” มาโตเกียวต้องได้ผัสผัสกันซักครั้ง ก่อนกลับโรงแรมไปนอน…
วันที่ 5 โตเกียว → Shinjuku → Narita Airport → Bangkok
เช้าวันสุดท้าย ณ โตเกียวไม่มีอะไรมากค่ะ วันนี้ครอบครัวเราค่อนข้างสบายๆ เราตื่นกันสายๆ และออกมาทานกลางวันกันที่แถวๆ Shinjuku วันนี้คุณแม่ขอจัดเมนูปูชุดใหญ่ก่อนกลับนะคะ ที่ร้านที่มีชื่อว่า Kani Doraku
ร้านนี้ขายเฉพาะเมนูปูอย่างเดียว ทั้งปูยักษ์ ปูขน ปูทาราบะ แนะนำให้มาร้านนี้เลยค่ะ ทุกสิ่งอย่างคือปู
อิ่มและฟินมากค่ะ
เมนูและราคาดูกันได้เลยนะคะ
เผื่อใครอยากจะตามรอย นิคือชื่อร้านนะคะ โดยรวมร้านบรรยากาศดีมาก บริการดี อาหารอร่อยค่ะ
ภาพนี้คือสิ่งที่ขนกลับมาเมืองไทย…. ของลูกทั้งนั้น.. เสียค่าเสียหายไปเยอะค่ะ 😛
หลังจากทานมื้อกลางวันกันเสร็จ ครอบครัวแอร์ก็เดิน Shopping กันต่ออีกนิดหน่อยก่อนกลับไปโรงแรมเพื่อเก็บของแพคกระเป๋า เตรียมตัวเดินทางต่อไปสนามบินนาริตะเพื่อบินกลับบ้านค่ะ วันนี้สบายๆ ชิวๆ พักผ่อนเอาแรงไป Shop ต่อสนามบิน แล้วยิงยาวนอนบนเครื่องบินกันค่ะ สรุปทริป เที่ยวญี่ปุ่น นี้ 3 คนพ่อแม่ลูกมีความสุขปนเหนื่อยแต่ก็สุขใจค่ะ มีความทรงจำภาพประทับใจมากมาย… แอร์หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ติดตามอ่านนะคะ รีวิวนี้แอร์ไม่ลงรายละเอียดเรื่องเส้นทางการเดินทาง เพราะแอร์จะบอกว่าจริงๆ มันไม่ยากเลยค่ะ ทริปในการเดินทาง จะบอกว่าครอบครัวแอร์ไม่ได้เปิด MAP หรือแผนที่กันเลย เราใช้ Google Map เปิดแอพพลิเคชั่นจากมือถือนำทางตลอด บวกกับตอนขึ้นรถไฟมีหลงกันบ้าง แต่ไม่ใช่เรื่องลำบากเลยค่ะ คนญี่ปุ่นใจดี คนญี่ปุ่นน่ารักมากๆ ทริปนี้ของแอร์ประทับใจคนญี่ปุ่นสุดๆ เวลาเราหลงทางถามเค้า เค้าเต็มใจตอบให้ความช่วยเหลือกันดีมาก ชอบมากๆ ค่ะ การเดินทางในโตเกียวไม่ยากค่ะ เพราะฉะนั้น วางแผนเที่ยวญี่ปุ่น กันดีดีนะ
สำหรับทริป เที่ยวญี่ปุ่น นี้ก็จบ… แล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านบล็อกของแอร์นะคะ ใครมีคำถาม ก็เช่นเคยค่ะ สามารถถามแอร์ผ่านได้ทางไลน์เสมอๆ นะคะ หรือจะ INBOX มาถาม ถ้ามีเวลาจะมาตอบให้ค่ะ
เห็นว่ามีประโยชน์ รักกันนานๆ ฝากกดแชร์ให้แอร์ด้วยนะคะ จะมีกำลังใจเขียนรีวิวมาให้อ่านกันเรื่อยๆ ค่ะ^^
Comments are closed.