การเดินทางท่องเที่ยวโดยรถไฟในยุโรปนั้นแสนสบายมากไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดค่ะ อีกอย่างเวลานั่งรถไฟเรายังสามารถนั่งเพลิดเพลินไปกับวิวทิวทัศน์ของชนบทข้างทางที่งดงาม การเดินทางโดยรถไฟเป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจนะคะถือเป็นประสบการณ์ที่พิเศษและยังตื่นตาตื่นใจไปกับขบวนรถไฟความเร็วสูงที่พาเราไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องยุ่งยากที่ต้องกับการตรวจค้นของหน่วยรักษาความปลอดภัยภายในสนามบินอีกด้วยค่ะ ตอนนี้แอร์จะเล่าและรีวิวถึงประสบการณ์การเดินทางข้ามเมืองโดยรถไฟของฝรั่งเศสให้ฟังค่ะ สถานีรถไฟส่วนใหญ่ของเมืองต่างๆ ในฝรั่งเศสจะตั้งอยู่ใจกลางเมืองค่ะ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางต่อไปกับระบบขนส่งสาธารณะอื่นๆ เช่น รถไฟใต้ดิน รถแท็กซี่และรสบัส
หน้าตาของบัตรโดยสาร รายละเอียดวันเวลาเค้าระบุมาแล้วค่ะในตั๋ว ที่เห็นคือ Valid: 4 days within 1 month หมายถึง เดินทางได้ 4 วัน วันไหนก็ได้ หมดอายุภายใน 1 เดือน บัตรโดยสารสามารถหาซื้อได้จากเมืองไทยโดยซื้อที่ตัวแทนจำหน่ายบัตรโดยสารค่ะ ซึ่งบริษัทดีทแฮล์มเป็นตัวแทนจำหน่ายค่ะ ในรูปนี้ได้ให้เจ้าหน้าที่ที่จองตั๋วรถไฟที่ประเทศฝรั่งเศสทำการเปิดหน้าตั๋วให้แล้วค่ะ เค้าก็จะระบุวันที่ลงไปในบัตรโดยสารของเราค่ะ
สิ่งที่เราควรรู้ก่อนออกเดินทางโดยใช้บัตร RailEurope/France Rail Pass
- ประเภทของบัตรโดยสารมีอะไรบ้าง? คือเค้าจะมีแบบใช้เดินทางโดยรถไฟในเครือข่ายของการรถไฟแห่งชาติของประเทศนั้นๆ ครอบคลุมในบัตรโดยสารโดยไม่จำกัดระยะทาง ตามจำนวนวันเดินทางที่ระบุไว้บนบัตรหรือผู้โดยสารจะเดินทางวันใดก็ได้ภายในระยะเวลาที่ระบุในบัตรโดยสาร ประเภทของบัตรโดยสารรถไฟ จะมี 2 แบบคือ 1. เดินทางแบบต่อเนื่องทุกวัน 2. แบบเดินทางไม่ต่อเนื่อง
- รถไฟมีบริการชั้นไหนบ้าง? โดยทั่วไปรถไฟมีบริการชั้น 1 (1st Class) และ ชั้น 2 (2nd Class) ทั้งสองชั้นมีความสะดวกสบายพอๆ กันค่ะ แต่ชั้นหนึ่งจะกว้างขวางกว่าเป็นพิเศษค่ะ ก็ดูที่หน้าตั๋วรถไฟของเรานะคะว่าเราซื้อมาแบบชั้นไหน
- คุณต้องรู้โปรแกรมการเดินทางของคุณ ถ้าหากมีมากกว่า 3 เส้นทางขึ้นไปก็คุ้มแล้วกับมูลค่าเงินที่จ่ายไปแล้วค่ะ
- จุดหมายปลายทางของคุณว่าจะไประหว่างเมืองหรือระหว่างประเทศ
- ก่อนใช้ตั๋วครั้งแรกอย่าลืม ผู้เดินทางที่มีชื่อระบุอยู่บนบัตรจะต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ ที่ช่องขายตั๋วของสถานีรถไฟยุโรปในประเทศที่ระบุหน้าตั๋ว เพื่อทำการประทับตราเริ่มการใช้บัตรค่ะ หากสามารถจองที่นั่งได้ล่วงหน้าก็ควรทำค่ะ
- อย่าลืมพก Passport และบัตรโดยสารค่ะ (บัตรโดยสารห้ามทำหายด้วยนะคะ)
- ห้ามขีดเขียนหรือบันทึกใดๆ ลงบัตรโดยสารก่อนพบเจ้าหน้าที่ ที่สถานีรถไฟ
- จำนวนวันเดินทางของบัตรโดยสาร France Rail Pass มีเริ่มตั้งแต่ 3 วัน ถึง 9 วัน และภายใน 1 เดือน
- France Rail Pass สามารถใช้เดินทางโดยรถไฟได้ไม่จำกัดระยะทางบนเครือข่ายของการรถไฟแห่งชาติฝรั่งเศส
นี้คือบรรยากาศภายในสถานีรถไฟที่เดินทางระหว่างเมืองหรือระหว่างประเทศค่ะ สถานีรถไฟใหญ่และคนเยอะมากๆ
ก่อนใช้ตั๋วครั้งแรกผู้เดินทางที่มีชื่อระบุอยู่บนบัตรโดยสารจะต้องมาติดต่อเจ้าหน้าที่ที่ช่องขายตั๋วของสถานีรถไฟเพื่อทำการประทับตราเริ่มการใช้บัตรค่ะ มาต่อคิวกันแบบนี้ค่ะ พอถึงคิวที่ Counter เราก็ยื่นตั๋วให้พร้อมกับ Passport ค่ะ หลังจากนั้นพนักงานก็จะถามเราค่ะว่าเราจะเดินทางไปที่ไหน เจ้าหน้าที่ก็จะทำการเช็คเวลาเดินทางให้เราค่ะ หลังจากนั้นเราก็เลือกเวลาเดินทางตามที่เราสะดวก สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้เลยค่ะ บัตรโดยสารของแอร์เป็นแบบ 1st class ค่ะ การจองที่นั่งก็จะมีการเสียเงินค่าจอง ณ ที่ช่องออกตั๋วอีกทีด้วยนะคะ 3 ยูโรค่ะ
พอเรายื่นบัตรโดยสารที่ถือมาจากเมืองไทย พนักงานก็สอบถามเส้นทาง วันเวลาเดินทางเสร็จแล้ว เค้าก็จะออกตั๋วอีกใบให้เราค่ะ หน้าตาของบัตรโดยสารที่ออกมาอีกใบตามรูปค่ะ ออกเดินทางจากปารีสที่สถานี “Paris Gare Lyon” จุดหมายปลายทางคือ สถานี “Lyon Part Dieu” โดย TGV ขบวน 6617 ชั้น 1 รถไฟตู้ที่ 02 ที่นั่งเบอร์ 56 ค่ะ ค่าใช้จ่ายในการจอง 3 ยูโร ค่ะ
หลังจากที่ได้ตั๋วโดยสารแล้วเราก็มาเช็คเวลาเดินทางค่ะ โดยดูว่าเราจะไปขึ้นรถไฟที่จุดไหน ก็คล้ายๆ กับ boarding pass นั้นแหละก็มาดูว่าเราจะออกเวลาไหนที่ประตูไหน สังเกตที่คำว่า HALL ค่ะ ให้สังเกตที่เวลาเดินทางและเบอร์ขบวนรถนะคะ ตามหน้าบัตรคือ TGV 6617 เวลา 13:53 ก็ไปขึ้นรถที่ Hall 3 ค่ะ
มาถึง Hall 3 ละ เตรียมตัวขึ้นรถไฟค่ะ
บรรยากาศภายในตู้ขบวนรถไฟ TGV ชั้น 1 มีที่นั่งขนาดใหญ่โอ่อ่า สามารถปรับเอนนอนได้ มีพื้นที่สำหรับวางกระเป๋าเดินทาง สำภาระต่างๆ สะอาด สะดวกสบายและยังมีห้องน้ำไว้บริการให้ผู้โดยสารภายในตู้ขบวนอีกด้วยค่ะ
ระหว่างการเดินทางโดยรถไฟก็นั่งชิวๆ อ่านหนังสือไปก็ได้ค่ะ อย่างคุณลุงคุณป้าในรูปนี้
ที่นั่งเค้าใหญ่จริงๆ ค่ะ และที่นั่งยังมีปลั๊กไฟให้เสียบอุปกรณ์ต่างๆได้ด้วย เช่น ชาร์ตแบตมือถือ โน๊ตบุ๊ค ipad และอื่นๆ
บนขบวนรถไฟ TGV จะมีบริการเคาน์เตอร์บาร์ เราสามารถไปใช้บริการได้ค่ะ จะมีอาหารจำพวก snack ขนมและเครื่องดื่มต่างๆ ให้เราเลือกซื้อได้ค่ะ
ภาพนี้คือบริเวณภายในของตู้ขบวนที่มีเคาน์เตอร์บาร์ค่ะ เมื่อซื้ออาหารแล้วจะนั่งทานชิวๆที่นี่เลยหรือจะเอาไปทานที่ที่นั่งเราก็ได้ค่ะ
สรุปนะคะการเดินทางโดยรถไฟระหว่างเมือง ไม่ว่าจะเป็นระหว่างประเทศทั้งในฝรั่งเศสหรือในยุโรปรีวิวให้เห็นแบบนี้แล้วมันไม่ยากเลยนะคะ เพียงแค่เราวางแผนการเดินทางให้ดีเท่านั้นเอง การเดินทางบนรถไฟนั้นค่อนข้างสะดวกสบาย ปลอดภัย แถมยังได้ชมภูมิประเทศที่งดงามระหว่างทางแถมช่วยลดภาวะโลกร้อนอีกด้วยนะคะ การเดินทางครั้งนี้จาก Paris ถึง Lyon โดย TGV ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 2 ชม. ค่ะ นั่งรถไฟชมวิวไปเรื่อยๆ แป็ปเดียวก็ลงแล้ว สำหรับภาพและรีวิวทริปในเมือง Lyon เข้าไปดูกันได้ที่ Link นี้เลยสำหรับใครที่ยังไม่อ่าน www.thelovelyair.com/lyon-french-alps/
เดินทางครั้งต่อไปโดย TGV เช่นกัน จากเมือง Marseille จุดหมายปลายทางคือเมือง Avignon ค่ะ ขั้นตอนทำเหมือนกับเดินทางครั้งแรกที่ไป Lyon เลยค่ะ คือไปหาเจ้าหน้าที่ที่ขายตั๋ว ทำการจองที่นั่งเลือกวันและเวลา แล้วเค้าก็จะออกตั๋วโดยสารมาให้ค่ะ แนะนำว่าให้เราทำแผนการเดินทางไว้ล่วงหน้าเลยค่ะ พอไปถึงสถานีที่จะจองตั๋วหรือสอบถามเวลาทำการจองไปเลยหลายทริปที่เดียวก็ได้ค่ะ กรณีที่เรารู้แผนการเที่ยวของเราล่วงหน้าแล้วนะคะ ในวันเดินทางจริงเราควรไปถึงที่สถานีก่อนเวลารถไฟออกสักอย่างน้อย 40 นาที ก็เตรียมตัวกันให้ดีนะคะ
ภาพนี้คือ สถานีรถไฟของเมือง “Marseille” เรียกกันว่าสถานี Marseille St Charles ค่ะ
ภายนอกของ Marseille Train Station
ประวัติเท่าที่ทราบถูกสร้างขึ้นในปี 1848 อยู่บนเนินเขาสูงทางตะวันออกของใจกลางเมืองค่ะ สถานีอยู่บนเนินเขาสูงจริงๆ ค่ะดูได้จากภาพนี้
Marseille (มาร์แซย์) เป็นเมืองทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส และเป็นเมืองท่าที่สำคัญของประเทศฝรั่งเศสอีกด้วยค่ะ ตั้งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เมือง Marseille นี้มีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรม สีสันทางวัฒนธรรม และรวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่ซึ่งมีกันหลากหลายเชื้อชาติค่ะ เที่ยวเมืองนี้จนครบละเดี๋ยวแอร์จะเล่าถึงการเดินทางโดยบัตรโดยสาร France Rail Pass กันต่อ
ถึงจุดหมายปลายทางแล้วค่ะ Avignon Train Station หรือ Gare Avignon TGV จะบอกว่าเมือง Avignon (อาวีญง) มี 2 สถานีรถไฟนะคะ คือเค้าจะแยกกันระหว่างสถานี TGV สำหรับรถไฟความเร็วสูงกับรถไฟโดยธรรมดาค่ะ เพราะฉะนั้นใครที่ไปเที่ยวที่นี่เวลาจะเดินทางโดยรถไฟก็ควรจะเช็คดีดีด้วยนะคะ
ถึงแล้วค่ะ Avignon (อาวีญง) เป็นเมืองทางภาคใต้ของประเทศฝรั่งเศส ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโรน อาวีญง ได้ถูกขนานนามว่าเป็น “เมืองแห่งพระสันตะปาปา” เนื่องจากในอดีตนั้นเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตะปาปาค่ะ และเมือง Avignon ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก เมื่อปีค.ศ. 1995 อีกด้วยนะคะ ในภาพนี้คือ “พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งอาวีญง” หรือ “Palais des papes d’Avignon” ซึ่งเป็นจุดท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองนี้ค่ะ
Palais des papes grand chapel
พระราชวังพระสันตะปาปาแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างของสถาปัตยกรรมกอทิกที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ในปัจจุบัน Palais des papes d’Avignon เปลี่ยนฐานะมาเป็นพิพิธภัณฑ์ วังส่วนใหญ่เปิดให้ประชาชนเข้าชมได้และเป็นสถานที่ที่ใช้ในการประชุมสัมนา และเก็บเอกสารสำคัญของฝรั่งเศสค่ะ
จากเมือง Avignon (อาวีญง) แอร์เดินทางต่อไปยังเมือง Nîmes ค่ะ คราวนี้เป็นการเดินทางโดยรถไฟเช่นกันแต่ระยะทางใกล้ๆ ใช้เวลาเดินทางแค่ 30 นาที ไม่จำเป็นต้องไป TGV ค่ะ ออกเดินทางจากสถานี Avignon Center ก็เช็คเวลากับเจ้าหน้าที่เช่นเคยค่ะ แล้วก็ดูตารางเวลารถไฟออกที่ชานชลาไหนแค่นั้นค่ะ จะบอกว่าการเดินทางนี้ฟรีนะคะ ไม่มีค่าใช่จ่ายอะไรเลยเพราะว่าเราถือบัตรโดยสารของ France Rail Pass ค่ะ เวลาเค้ามาตรวจก็แค่ยื่นบัตรโดยสารให้เค้าดู อันนี้เราต้องพกติดตัวตลอดเวลาด้วยนะคะเวลาท่องเที่ยวเมื่อเดินทางโดยรถไฟ
เก้าอี้นั่งและบรรยากาศภายในรถไฟโดยสารชั้นธรรมดาหรือชั้น 2 ที่ใช้โดยสารไปเมือง Nîmes ค่ะ ประเทศเค้ามีแค่ 2 ชั้นนะคะ ไม่มีชั้น 3
นั่งชมวิวไปก่อนเช่นเคยค่ะ
รถไฟโดยสารจะมีที่สำหรับจัดเก็บจักรยานด้วยนะคะ เก๋มากๆ ค่ะ
ถึงแล้วค่ะเมือง Nîmes (นีม) เมืองนีมเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปีแล้วค่ะ ตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมันและปัจจุบันยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักอีกแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส เมืองนีมเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญในสมัยโรมโบราณค่ะ มีอัฒจันทร์แบบโรมันโบราณอยู่ที่เมืองนี้ เมืองนีมได้ถูกเรียกว่าเป็น “กรุงโรมแห่งฝรั่งเศส” ในภาพคือ “Arena of Nîmes”
“Arena of Nîmes” ถูกสร้างขึ้นประมาณ 70 AD ใน 1863 ก็ถูกออกแบบให้ใช้เพื่อเป็นสนามสู้วัวกระทิง สเตเดียมของนีมนี้เป็นสถานที่แข่งกีฬาสู้วัวกระทิงประจำปีในช่วง Feria de Nîmes และปัจจุบันยังใช้สำหรับกิจกรรมสาธารณะอื่น ๆ อยู่ค่ะ สามารถรับความจุของผู้ชมได้ 16,300 คน
ด้านนอกของสนามกีฬาของนีม
Maison Carrée เป็นอาคารรูปทรงโรมันโบราณในเมืองนีมค่ะ เป็นหนึ่งในวัดโรมันที่มีการรักษาที่ดีที่สุด ที่จะพบได้ในดินแดนของอดีตจักรวรรดิโรมันแห่งนี้ค่ะ
Nîmes เป็นอาณานิคมของโรมันในช่วงก่อนคริสตศักราช 28 เรียกขนานนามกันว่าเป็น “อาณานิคมของ Nemausus” หรือ Colony of Nemausus เมืองท่องเที่ยวเล็กๆ แห่งนี้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากค่ะ อาคารรูปทรงโรมันโบราณในเมืองนี้ถูกรักษาไว้อย่างดี แถมยังคงความงดงามมาจนถึงปัจจุบันถือว่าเก่งมากค่ะ ใครยังไม่เคยมา ลองแวะมาชมกันนะคะ
สิ้นสุดการเดินทางโดยรถไฟแล้วค่ะ จุดหมายปลายทางของแอร์ในทริปนี้ สุดท้ายคือ เดินทางจาก Avignon เข้าสู่ Paris
เราไม่ได้ขึ้นรถจากสถานีต้นสายฉะนั้นเราก็ต้องเช็คกับบัตรโดยสารให้ดีแล้วมาดูที่จอว่าขบวนรถของเราอยู่ตู้ที่เท่าไหร่ ในบัตรโดยสารระบุว่าตู้ที่ 1 ก็มาดูที่หน้าจอก็ตรงกับทางออกประตู U ค่ะ (ตัวอักษรภาษาอังกฤษคือรูปบอกถึงตู้ขบวนรถไฟทั้งขบวนค่ะ) เพื่อเป็นการไม่เสียเวลา เวลารถไฟมาถึงต้องหาตู้อีก
Gare Avignon TGV ทางออกตัว U ในภาพค่ะ
สำหรับนักท่องเที่ยวประสบการณ์บนรถไฟ เป็นประสบการณ์ไม่รู้ลืมค่ะ ด้วยความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพสูงของรถไฟด่วน ที่สามารถพาเราเดินทางมุ่งสู่ระหว่าง 2 เมืองใหญ่ได้อย่างสะดวกสบาย ตรงเวลา ปลอดภัยและยังได้ชมทัศนียภาพอันงดงามตลอดเส้นทาง ถือเป็นระบบขนส่งสาธารณะที่ดีมากที่คนไทยอย่างเราได้สำผัสกับเค้าบ้าง อยากให้เมืองไทยพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะได้แบบนี้จัง France Rail Pass บัตรเพียงหนึ่งใบ ขึ้นรถไฟได้ทุกขบวนค่ะ สรุปมันคุ้มจริงๆ ดูจากทริปที่แอร์ไป แค่ขึ้น TGV เพียง 2 ครั้ง ไปกลับก็คุ้มแล้วค่ะเมื่อเทียบกับเงินที่ต้องจ่ายไป
ท่านที่สนใจ Rail Pass สามารถซื้อบัตรโดยสารสำรองที่นั่งและดูข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.diethelmtravel.com Tel: 02-660-7000 หรือ www.facebook.com/RailEuropeDiethelmTravel
