โรคอีสุกอีใส คือโรคที่ติดจากเชื้อไวรัส Varicella-Zoster เป็นอาการที่สร้างความรำคาญมากเลยคะ ยิ่งเป็นอีสุกอีใสตอนกำลังตั้งครรภ์ด้วยแล้วอาจมีผลกระทบไปถึงลูกในครรภ์ด้วย และอาจทำให้คุณแม่เกิดที่กำลัง ตั้งครรภ์ มีอาการแทรกซ้อนจาก เช่น ปอดบวม สมองอักเสบ และเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบด้วยค่ะ
อาการของโรคอีสุกอีใส จะเริ่มจากการมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดท้อง เจ็บคอ อ่อนเพลียและปวดเมื่อยอยู่ประมาณ 1-2 วัน จากนั้นอาการก็จะลดลงและดีขึ้น แต่ผิวหนังจะขึ้นผื่นอย่างรวดเร็ว ทั้งใบหน้า ลำตัว หนังศีรษะ แขนขา เยื่อบุช่องปาก และจะกลายเป็นตุ่มพองมีน้ำใสอยู่ในตุ่ม จากนั้นก็จะเริ่มตกสะเก็ด แผลจะค่อยๆ จางลงเป็นปกติใน 2 สัปดาห์ค่ะ
สำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นอีสุกอีใส ไม่เพียงแต่คุณแม่เท่านั้นที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังส่งผลเสียถึงลูกในครรภ์ด้วย คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นอีสุกอีใสจะแพร่เชื้อไปยังลูกน้อยในครรภ์ และมีความเสี่ยงที่จะเป็นได้ในทุกไตรมาสของการตั้งครรภ์ แต่การติดเชื้อในไตรมาสแรกจะมีความรุนแรงที่สุด ซึ่งอาจทำให้ลูกสมองฝ่อ มีความผิดปกติของกระดูกขาและผิวหนังได้ค่ะ
อย่างไรก็ตามระหว่างมีครรภ์คุณแม่ต้องควรเฝ้าระหวัง หากพบว่าตัวเองมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นอีสุกอีใส ควรไปพบแพทย์ทันที ระวังอย่าให้มีภาวะอาการแทรกซ้อน เช่น ภาวะปอดบวมหรืออักเสบค่ะ
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นอีสุกอีใส
- ควรตัดเล็บให้สั้นค่ะ เพื่อป้องกันการเกาจนเป็นแผลติดเชื้อ เป็นตุ่มหนองได้
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 6-8 แก้ว
- หากมีอาการคัน ควรใช้ยาพวกคาลาไมน์ทาเพื่อลดอาการคัน ถ้ามีอาการไข้ด้วยก็สามารถกินยาพาราเซตามอลได้ค่ะ
- รีบไปพบคุณหมอเมื่อสงสัยว่ามีอาการแทรกซ้อน เช่น มีไข้สูงต่อเนื่อง ตุ่มใสเป็นหนอง ไอมากมีเสมหะ หอบเหนื่อย เจ็บแน่นหน้าอก ปวดศีรษะรุนแรง
- คุณแม่ที่อายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ ควรนับจำนวนครั้งที่ลูกดิ้นทุกวัน หากพบว่ามีอาการผิดปกติ ควรปรึกษาคุณหมอ
- ตรวจติดตามอัลตร้าซาวด์เพื่อตรวจการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ตามที่คุณหมอแนะนำเป็นระยะๆ
- ควรพักผ่อนให้เพียงพอ 8-10 ชั่วโมงต่อวัน
โรคอีสุกอีใสสามารถป้องกันได้ค่ะ ด้วยการฉีดวัคซีนป้องกัน แต่ถ้ากำลังตั้งครรภ์อยู่ไม่ควรฉีดวัคซีน เพราะอาจจะเกิดอันตรายต่อลูกในท้องได้ หากกำลังวางแผนจะตั้งครรภ์ควรฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสก่อนตั้งครรภ์ 1-3 เดือน และการหลีกเลี่ยงไม่ไปสัมผัสกับคนที่กำลังเป็นโรคอีสุกอีใส ก็เป็นวิธีป้องกันที่ได้ผลเหมือนกันค่ะ