เลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาดง่ายสุด ๆ

แอร์เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกฉลาดเป็นเด็กแข็งแรงแล้วต้องฉลาดด้วยวิธีไหนที่ว่าดีต่อสมองลูกเราก็จะพยายามจัดให้ใช่มั้ยคะอ่านเจอมามีหลายวิธีเยอะแยะไปหมดบางวิธีก็ดูวุ่นวายกับลูกมากเกินไปบางวิธีก็สุดขั้วจะเป็นอันตรายกับลูกเราหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ แอร์ได้ข้อสรุปกับตัวเองว่าอะไรที่มันแปลกไปหรือดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติก็จะตัดไป ตอนลูกยังเล็กเป็นวัยที่สมองเขากำลังเติบโตถ้าจะพัฒนาสมองก็ต้องช่วงนี้ละมาพัฒนาตอนเขาโตก็จะช้าไปนะคะแล้วเราจะพัฒนาสมองให้ลูกฉลาดกันตอนไหนดีทำได้ตั้งแต่แต่เขาอยู่ในท้องแม่เลยค่ะ

แอร์มีเคล็ดลับในการเลี้ยงลูกให้เป็นเด็กฉลาดมาฝากขอแบ่งออกเป็น 3 ช่วงนะคะช่วงอยู่ในครรภ์ช่วงวัยทารกและช่วงวัยซนประมาณ 1-5 ขวบ

เลี้ยงลูกให้ฉลาด-lovelyair2

พัฒนาสมองลูกตอนอยู่ในท้องแม่ 

ตอนคุณลูกนอนชิว ๆ อยู่ในท้องคุณแม่ เราสามารถช่วยพัฒนาสมองของเขาได้หลายทาง คุณแม่เป็นสิ่งแวดล้อมสำคัญสำหรับลูกที่สุดในเวลานี้ เพราะฉะนั้นสิ่งแวดล้อมต้องดีค่ะ ให้ลูกอยู่ในครรภ์อย่างมีความสุข คุณแม่อย่าเพิ่งโลดโผนในเวลานี้ เคลื่อนไหวระมัดระวังหน่อย อย่าทำงานหนักหักโหมเกินไป แต่ไม่ต้องเป็นไข่ในหินนะจ๊ะ พยายามเลี่ยงความเครียดหน่อยแล้วกันค่ะ ถ้ารู้ตัวว่าเครียดให้หาวิธีผ่อนคลายซะ เพราะแม่เครียดมีผลต่ออารมณ์ลูก คลอดออกมาเป็นเด็กโยเยเลี้ยงยาก แม่อารมณ์ดีลูกออกมาอารมณ์ดีและสมองก็ดีด้วย คุณแม่ยังทำสิ่งเหล่านี้ได้อีก ลูบหน้าท้องเพื่อเป็นการกระตุ้นการรับรู้สัมผัส  พูดคุยกับลูก ร้องเพลงกล่อมลูก เปิดเพลงบรรเลงเพราะ ๆ หรือเพลงคลาสสิกให้ลูกฟัง เลือกรับประทานอาหารมีประโยชน์ครบหมวดหมู่และปริมาณพอเหมาะ หม่ำเพลินความอ้วนจะมาตกที่แม่จ้า แล้วอย่าลืมออกกำลังกาย แม่ท้องก็ออกกำลังกายได้เพียงแต่เลือกการออกกำลังกายแบบที่เหมาะกับแม่ท้อง

เลี้ยงลูกให้ฉลาด-lovelyair3

ฝึกสมองวัยทารก แรกเกิด – 1 ขวบ

ช่วงเดือนแรก ๆ ดูเหมือนว่าลูกน้อยของเรายังไม่รู้เรื่องรู้ราว แล้วจะฝึกสมองได้รึ ได้นะคะ เด็กทารกเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่แรกเกิดแล้ว เขากำลังเรียนรู้ทั้งจากการมองทุกสิ่งรอบตัว ทารกจำหน้าแม่ได้แล้วค่ะ เขาฟังเสียงรอบตัว จำเสียงแม่และคนคุ้นเคยได้ เรียนรู้รสชาติ กลิ่น  และสัมผัสทางร่างกาย สำคัญที่สุดคืออะไรทราบมั้ยคะ ความรักความอบอุ่นจากคุณแม่ การอุ้มโอบกอด คุณแม่ควรใกล้ชิดลูกให้มาก ๆ ในวัยนี้ คุยกับลูก ร้องเพลงให้ฟัง เล่นกับลูก อ่อนโยนกับเขา ดูแลเขาเมื่อร้อง อย่าปล่อยทิ้งไว้ หรือปล่อยให้ร้องนาน ๆ การดูแลเขาใกล้ชิดให้เขารู้สึกอบอุ่นปลอดภัยลูกจะมีความสุข ก็จะเป็นการช่วยให้สมองพัฒนาได้ดี คุณแม่อาจจะเล่นจ๊ะเอ๋กับลูก แขวนโมบายล์ให้เขาดูหรือแบบมีเสียงด้วยก็ได้ค่ะ หาของเล่นสีสดมาให้เขาดู ให้เขาได้สัมผัสรูปทรงและผิวสัมผัสหลาย ๆ แบบเพื่อเป็นการเรียนรู้

เลี้ยงลูกให้ฉลาด-lovelyair4

ฝึกสมองวัยซน 1-5 ขวบ 

ตั้งแต่ลูกเดินได้แอร์ขอเรียกว่าวัยซนนะคะตอนยังเบบี๋แม่อยากให้ลูกโตเร็วๆพอโตเดินได้วิ่งได้เท่านั้นเหนื่อยมนุษย์แม่มากจ้าจับปูใส่กระด้งเป็นยังไงมาซึ้งเอาตอนนี้แหละเอาละมองในแง่ดีก็คือสมองของลูกเรากำลังเรียนรู้เต็มที่สนใจใครรู้ทุกสิ่งสงสัยทุกอย่างแล้วก็ทดลองไปหมดข้าวของอะไรในบ้านเปิดดูแงะจับหมุนเขย่าโยนด้วยถึงวัยถามได้ถามทู้กอย่างอะไร  ทำไมๆๆ  เพราะฉะนั้นคุณแม่ทำไงอย่าลมเสียตลอดเวลาลูกจะเครียดนะจ๊ะต้องให้ลูกเรียนรู้แต่ปล่อยให้เล่นทุกสิ่งอย่างก็ไม่ไหวเนอะบางอย่างอันตรายส่วนการห้ามซะเยอะก็จะเป็นการสกัดกั้นการเรียนรู้และจินตนาการของลูกจัดสรรค่ะกำหนดพื้นที่บริเวณไหนห้ามเข้ากั้นค่ะ  เลือกให้ลูกเล่นลูกทดลองแบบปลอดภัยให้เขาคลายความสงสัยหาของเล่นที่ตอบโจทย์ความอยากรู้ของลูกของที่มีสีสันรูปทรงเสียงสัมผัสน่าสนใจให้เขาจับหมุนตีแล้วส่งเสียงโยนได้ของที่เล่นแล้วเหมือนเขาได้ทดลองวิทยาศาสตร์แบบง่ายๆให้เล่นเทน้ำก็ได้ใช้ถ้วยพลาสติกหลายขนาดให้ทดลองเล่นอะไรก็ตามหมายถึงต้องเล่นกับเขานะคะบางเวลาปล่อยเขาอยู่คนเดียวได้แต่ไม่ใช่ให้ของเล่นแล้วจบตั้งคำถามให้เขาฝึกคิดฝึกจินตนาการบ้างคุณแม่อาจชวนเขาทำงานบ้านแบบง่ายๆที่เด็กทำได้ให้เขาเรียนรู้ทางสังคมด้วยค่ะอาจพาไปพบญาติพี่น้องหลายวัยเพื่อนๆของคุณพ่อคุณแม่หรือให้เล่นกับเด็กวัยเดียวกัน

เลี้ยงลูกให้ฉลาด-lovelyair6

วัยนี้อย่ารีบให้สนุกกับหน้าจอมากนัก เวลานี้ลูกกำลังเรียนรู้เพื่อทำความเข้าใจโลกค่ะ เล่านิทานให้เขาฟังเสริมสร้างจินตนาการ ชวนดูหนังสือภาพหรือนิทาน อย่าเพิ่งเร่งลูกเรียนหนังสือ เพราะเด็กเล็กเรียนรู้ผ่านการเล่น แล้วจะยิ่งเรียนรู้ได้ดีมาก ๆ ถ้าเขาสนุกกับสิ่งนั้น และอย่าลืมให้เขาได้วิ่งเล่น ปีนป่าย ใช้แรงแขนขา การออกกำลังกายเท่ากับได้ออกกำลังสมองไปด้วยในตัว คุณแม่อย่าลืมดูเรื่องของหวานนะคะ ให้กินขนมน้อย ๆ ค่ะ การกินน้ำตาลมากเกินไปจะทำร้ายสมองลูก ฝึกให้ลูกรักผลไม้ตั้งแต่เล็กช่วยได้มาก

เลี้ยงลูกให้ฉลาด-lovelyair5

ลูกจะฉลาดพัฒนาสมองได้ดีคุณแม่ต้องดูแลให้ได้ครบในเรื่องพื้นฐานเหล่านี้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ออกกำลังกายได้เล่นสนุกตามความสนใจของเขาให้เขาพักผ่อนพอเพียงดูแลสุขภาพเขาให้แข็งแรงไม่ยากเลยซักนิดใช่มั้ยคะ

Comments are closed.